พุทธชยันตี ๒๖๐๐ ปีแห่งปัญญาการตรัสรู้
4 มี.ค. 55 / 1172 อ่าน
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า พระองค์นั้น ;
อะระหะโต
ซึ่งเป็นผู้ไกลจากกิเลส ;
สัมมาสัมพุทธัสสะ
ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง
บทสวดบทนี้สวดกันมาตั้งแต่เด็กๆ ซึ่งเป็นบทแสดงความเคารพนอบน้อมและพรรณาถึงความจริงที่เรามองข้ามไป
เราทราบกันมาว่าพระองค์ตรัสรู้ อริยสัจ๔ คือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค และที่สำคัญมากๆเลยนั่นก็คือมรรคมีองค์๘ ที่เป็นหนทางแห่งการพ้นทุกข์
ถ้าไม่ม ีมรรค จะไม่มีวันรู้แจ้งอริยสัจได้เลย ตั้งแต่ปัญจวัคคีย์เรื่อยมาจนถึงวันนี้ พระอรหันต์ทั้งหมด รวมถึงอริยบุคคลที่กำลังเดินทางศึกษาอยู่ ล้วนอาศัยมรรคเป็นหนทางเดินเป็นหนทางการปฏิบัติเพื่อให้รู้แจ้งอริยสัจสู่ ความหลุดพ้นทั้งสิ้น นี่จึงเป็นที่มาของชื่อว่า "มัคคานุคา ผู้เดินตามมรรค"
ไม่เดินตามมรรคจะไม่รู้อริยสัจ รู้อริยสัจโดยไม่เดินตามมรรคไม่มี นี่คือความจริง ในธัมมจักรกัปวัตตนสูตร ปฐมเทศนานั่นชัดเจน แล้ววันที่พระพุทธองค์ตรัสรู้แจ้งขึ้นมาวันนั้นยังไม่มีมรรคมาก่อนนะ
นี่ล่ะคือความยิ่งใหญ่ที่ยากนักที่จะมีมหาบุรุษผู้ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง เพียงการปฏิบัติตามมรรคที่มีพระองค์นำมาบอกสอนก็ยากสุดใจอยู่แล้ว แต่ในวันเพ็ญ ๑๕ค่ำ เดือน๖ เมื่อ ๒๖๐๐ ปีที่แล้วในตอนยาม ๑ และยาม ๒ ก่อนการตรัสรู้ยังไม่มีมรรคเลย พระองค์ตร้สรู้ได้อย่างไร
หากจะว่าโชคดีก็ต้องบอกว่าพวกเราโชคดีมหาศาล ที่มีพระพุทธเจ้าตรัสรู้ขึ้นมาในวันนั้นจึงทำให้ยังคงมีมรรคให้พวกเราออกจากทุกข์ในวันนี้
"ขอกราบแทบพระบาทของพระบรมศาสดา ในพระปัญญาธิคุณ พระบริสุทธิคุณ พระมหากรุณาธิคุณ ที่โปรดสัตว์โลกจนยังคงมีหนทางแห่งการพ้นทุกข์มาจนถึงวันนี้ พวกเราทุกคนจะช่วยกันคนละไม้คนละมืออย่างเต็มกำลังเพื่อให้พระพุทธศาสนาที่ พระองค์ทรงทำใว้จนรุ่งเรืองมา ให้สืบเนื่องต่อไปเท่าที่พวกข้าพระองค์จะทำได้อย่างสุดกำลัง"