ความขัดแย้งในบ้านเมือง สู่ความขัดแย้งในเพื่อนฝูงกัน

12 ธ.ค. 56 / 1599 อ่าน

วันนี้ภาพของการชุมนุมทางการเมืองมีกันให้เห็นอยู่ เป็นการแสดงออกของพลังมวลชนที่มีความคิดเห็นในการต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ซึ่งเป็นการแสดงออกตามสิทธิที่ตนมีอยู่ ดังนั้นการแสดงออกเหล่านี้ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องว่าปฏิบัติธรรมแล้วจะออกไปแสดงออกทางความคิดไม่ได้หรือการที่ปฏิบัติธรรมแล้ว ไม่ออกไปแสดงออกอย่างที่เขาทำกัน ก็เป็นสิทธิส่วนบุคคลอีกเช่นกัน   การปฏิบัติภาวนานั้น เรามาเจริญมรรค คือละอกุศล เจริญกุศล ไม่ทำบาปทำชั่ว หรือมุ่งร้าย เบียดเบียนใคร เมื่อเป็นการทำอยู่ในระบอบก็คงมิได้เสียอะไร จะว่ามุ่งร้าย เบียดเบียนผู้อื่นก็อาจจะไม่ชัดเจนนัก เพราะไม่อย่างนั้นการทำหน้าที่ของผู้พิพากษา ก็จะกลายเป็นการมุ่งร้าย เบียดเบียนต่อผู้ต้องหา ทุกอย่างก็ต้องอยู่กับเจตนาที่ต้องดูแลจิตใจกันบ้าง เพื่อไม่ให้สร้างอกุศลมากนัก   ในทุกๆความคิดเห็นนั้น เราทุกคนก็เคารพการตัดสินใจใช้สิทธิของทุกคน สัจธรรมของโลกก็ต้องมีทั้งคนที่เห็นด้วย มีทั้งไม่เห็นด้วยและเฉยๆกับทุกเหตุการณ์ การใช้ชีวิตของผู้มีธรรม ธรรมะก็อยู่ในหน้าที่ของแต่ละคน   มีพุทธพจน์บทหนึ่งที่จะเตือนใจในสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น เผื่อจะได้เห็นความจริงตามที่พระองค์ตรัสไว้   ผู้ถอนรากความรักและความเกลียดได้   ภิกษุ ท.! ธรรมารมณ์ทั้งหลายเหล่านี้ ย่อมเกิดอยู่เป็น ๔ ประการ. สี่ประการอย่างไรเล่า ? สี่ประการคือ ความรักเกิดจากความรัก ความเกลียดเกิดจากความรัก ความรักเกิดจากความเกลียด ความเกลียดเกิดจากความเกลียด.   ภิกษุ ท.! อย่างไรเล่า เรียกว่า ความรักเกิดจากความรัก ? ภิกษุ ท.! ในกรณีนี้ มีบุคคลซึ่งเป็นที่ปรารถนารักใคร่พอใจ ของบุคคลคนหนึ่ง, มีบุคคลพวกอื่นมาประพฤติกระทำต่อบุคคลนั้นด้วยอาการที่น่าปรารถนาน่ารักใคร่น่าพอใจ; บุคคลโน้นก็จะเกิดความพอใจขึ้นมาอย่างนี้ว่า "บุคคลเหล่านั้นประพฤติกระทำต่อบุคคลที่เราปรารถนารักใคร่พอใจ ด้วยอาการที่น่าปรารถนาน่ารักใคร่น่าพอใจ" ดังนี้ ; บุคคลนั้นชื่อว่าย่อมทำ ความรักให้ เกิดขึ้นในบุคคลเหล่านั้น. ภิกษุ ท.! อย่างนี้แล เรียกว่าความรักเกิดจากความรัก.   ภิกษุ ท.! อย่างไรเล่า เรียกว่า ความเกลียดเกิดจากความรัก ? ภิกษุ ท.! ในกรณีนี้ มีบุคคลซึ่งเป็นที่ปรารถนารักใคร่พอใจ ของบุคคลคนหนึ่ง. มีบุคคลพวกอื่นมาประพฤติกระทำต่อบุคคลนั้น ด้วยอาการที่ไม่น่าปรารถนาไม่น่ารักใคร่พอใจ ; บุคคลโน้นก็จะเกิดความไม่พอใจขึ้นมาอย่างนี้ว่า"บุคคลเหล่านั้นประพฤติกระทำต่อบุคคลที่เราปรารถนารักใคร่พอใจ ด้วยอาการที่ไม่น่าปรารถนาไม่น่ารักใคร่พอใจ" ดังนี้; บุคคลนั้น ชื่อว่าย่อมทำ ความเกลียด ให้เกิดขึ้นในบุคคลเหล่านั้น. ภิกษุ ท.! อย่างนี้แล เรียกว่า ความเกลียดเกิดจากความรัก.   ภิกษุ ท.! อย่างไรเล่า เรียกว่า ความรักเกิดจากความเกลียด ? ภิกษุ ท.! ในกรณีนี้ มีบุคคลซึ่งเป็นที่ไม่ปรารถนารักใคร่พอใจ ของบุคคลคนหนึ่ง. มีบุคคลพวกอื่นมาประพฤติกระทำต่อบุคคลนั้น ด้วยอาการที่ไม่น่าปรารถนาไม่น่ารักใคร่พอใจ ; บุคคลโน้นก็จะเกิดความพอใจขึ้นมาอย่างนี้ว่า"บุคคลเหล่านั้นประพฤติกระทำ ต่อบุคคลที่เราไม่ปรารถนารักใคร่พอใจ ด้วยอาการที่ไม่น่าปรารถนาไม่น่ารักใคร่พอใจ" ดังนี้ ; บุคคลนั้น ชื่อว่าย่อมทำความรักให้เกิดขึ้นในบุคคลเหล่านั้น. ภิกษุ ท.! อย่างนี้แล เรียกว่า ความรัก เกิดจากความเกลียด.   ภิกษุ ท.! อย่างไรเล่า เรียกว่า ความเกลียดเกิดจากความเกลียด ? ภิกษุ ท.! ในกรณีนี้ มีบุคคลซึ่งไม่เป็นที่ปรารถนารักใคร่พอใจ ของบุคคลคนหนึ่ง, มีบุคคลพวกอื่นมาประพฤติกระทำ ต่อบุคคลนั้น ด้วยอาการที่น่าปรารถนาน่ารักใคร่น่าพอใจ ; บุคคลโน้นก็จะเกิดความไม่พอใจขึ้นมาอย่างนี้ว่า"บุคคลเหล่านั้นประพฤติกระทำต่อบุคคลที่เราไม่ปรารถนารักใคร่พอใจ ด้วยอาการที่น่าปรารถนาน่ารักใคร่น่าพอใจ" ดังนี้; บุคคลนั้นชื่อว่าย่อมทำ ความเกลียดให้เกิดขึ้นในบุคคลเหล่านั้น. ภิกษุ ท.! อย่างนี้แล เรียกว่า ความเกลียด เกิดจากความเกลียด.   ภิกษุ ท.! เหล่านี้แล คือธรรมารมณ์ ย่อมเกิดอยู่เป็น ๔ ประการ.   ภิกษุ ท.! สมัยใด ภิกษุ กระทำให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุตติ ปัญญาวิมุตติอันหาอาสวะมิได้ เพราะความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย ด้วยปัญญาอันยิ่งเองในทิฏฐธรรมนี้ เข้าถึงแล้วแลอยู่ ; สมัยนั้น ความรักที่เกิดจากความรัก ก็ถูกละขาด มีรากอันขาดแล้ว ทำให้เป็นเหมือนต้นตาลมีขั้วยอดอันขาดแล้ว ให้ถึงความไม่มี มีอันไม่เกิดขึ้นอีกต่อไปเป็นธรรมดา, ความเกลียดที่เกิดจากความรักก็ถูกละขาด..; ความรักที่เกิดจากความเกลียด ก็ถูกละขาด...; ความเกลียดที่เกิดจากความเกลียด ก็ถูละขาด มีรากอันขาดแล้ว ทำให้เป็นเหมือนต้นตาลมีขั้วยอดอันขาดแล้ว ให้ถึงความไม่มี มีอันไม่เกิดขึ้นอีกต่อไปเป็นธรรมดา. ภิกษุ ท.! ภิกษุ นี้ เรากล่าวว่า ย่อมไม่ถือตัว ย่อมไม่ตอบโต้ ย่อมไม่อัคควัน ย่อมไม่ลุกโพลง ย่อมไม่ไหม้เกรียม.     จากพุทธพจน์บทนี้ในข้อแรก ความรักเกิดจากความรัก ก็คือใครทำดี พูดดีต่อคนที่เรารัก เราชอบ เราก็รักคนนั้น ข้อ ๒ ความเกลียดเกิดจากความรัก ข้อนี้ใครไปเกลียด ทำไม่ดีต่อคนที่เรารักก็จะสร้างความไม่พอใจแก่เรา ทำให้เรารู้สึกเกลียดคนๆ นั้น ข้อ ๓ ความรักเกิดจากความเกลียด ใครด่าคนที่เราเกลียด ใครทำไม่ดีต่อคนที่เราเกลียด เราจะรู้สึกรักเขา ข้อ ๔ ความเกลียดเกิดจากความเกลียด เราเกลียดใครก็ตาม แต่กลับมีคนมาทำดีกับคนที่เราเกลียด นี่จึงเป็นความเกลียดมาจากเกิดจากความเกลียด   ตารางเพื่อให้ดูง่ายขึ้น     ss   วันนี้นักปฏิบัติก็คงสามารถเห็นได้จากเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น หากไม่มีสติคอยดูแล จะค่อยๆไหลไปสู่ความอาฆาต พยาบาทที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ก็ขอให้รักษาจิตใจไว้อย่าให้หลุดลงไปในฝ่ายต่ำมากนัก นี่คงเป็นความห่วงใยเท่าที่ทำได้   อย่าทำเพียงเพื่อความสะใจ เพราะมันทำให้ผมนึกถึงอิรัค ชาวโลกอาจจะไม่ชอบซัดดัมที่เป็นคนชั่ว วันที่อิรัคถูกถล่มผู้คนอาจจะสะใจที่อิรัคโดนลงโทษด้วยข้อหาต่างๆ แต่สุดท้ายวันนี้ประชาชนชาวอิรัคยังคงอยู่อย่างยากลำบาก แม้ซัดดัมจะตายไปแล้วก็ตาม   อย่าทำบนความสะใจ จงอยู่บนความถูกต้อง แล้วเมื่อทุกอย่างสงบลง จะไม่ทิ้งความขมขื่นให้ต้องมาชดใช้กันภายหลังอีก   2013-12-12